เทียบความคุ้มค่า : แผ่นพื้นอัดแรง vs พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กธรรมดา
ทำความเข้าใจก่อนเลือกระบบพื้น
“พื้น” ถือเป็นโครงสร้างหลักที่รับน้ำหนักโดยตรงของอาคาร ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ หรือโกดังสินค้า
การเลือกประเภทของพื้นให้เหมาะสมกับลักษณะงานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลทั้งต่อ ความแข็งแรง ความปลอดภัย และต้นทุนการก่อสร้าง
ในปัจจุบัน ระบบพื้นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมีอยู่ 2 ประเภท คือ
-
พื้นคอนกรีตอัดแรงสำเร็จรูป (Precast Prestressed Concrete Floor Slab)
-
พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กธรรมดา (Reinforced Concrete Slab)
ทั้งสองแบบต่างมีข้อดีและข้อจำกัดของตัวเอง บทความนี้จะพาคุณมาเปรียบเทียบอย่างละเอียดว่า “แบบไหนคุ้มกว่า” สำหรับงานของคุณ
พื้นคอนกรีตอัดแรงสำเร็จรูป คืออะไร
แผ่นพื้นคอนกรีตอัดแรง (Precast Prestressed Concrete) คือแผ่นพื้นคอนกรีตที่ผลิตสำเร็จจากโรงงาน โดยใช้ลวดเหล็กแรงดึงสูง (Prestressing Wire) ดึงอัดภายในคอนกรีตก่อนเท เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดการแอ่นตัวของแผ่นพื้น
หลังผลิตเสร็จ แผ่นพื้นจะถูกนำไปติดตั้งหน้างานด้วยเครนหรือรถยก และเชื่อมต่อด้วยคอนกรีตหล่อในที่บริเวณรอยต่อ
จุดเด่นของพื้นอัดแรง
-
ผลิตด้วยระบบอุตสาหกรรม ควบคุมคุณภาพได้สูง
-
แข็งแรงมากกว่าพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กธรรมดาหลายเท่า
-
ติดตั้งรวดเร็ว ไม่ต้องใช้แบบไม้หรือเหล็กเสริมหน้างาน
-
น้ำหนักเบา แต่รับน้ำหนักได้มาก
พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กธรรมดา คืออะไร
พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กธรรมดา (Reinforced Concrete Slab) คือพื้นหล่อในที่ที่ใช้ เหล็กเส้น (Rebar) เป็นโครงเสริมแรงภายในคอนกรีต เพื่อช่วยรับแรงดึงและแรงอัด
นิยมใช้ในงานก่อสร้างทั่วไป เช่น บ้านชั้นเดียวหรือบ้านสองชั้น เพราะมีความยืดหยุ่นในการก่อสร้าง และสามารถปรับแต่งขนาดหรือรูปแบบได้ตามหน้างาน
จุดเด่นของพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กธรรมดา
-
สามารถปรับแบบและขนาดได้ตามต้องการ
-
ใช้วัสดุหาได้ทั่วไปในท้องถิ่น
-
เหมาะกับงานต่อเติมขนาดเล็กหรือพื้นที่ไม่ซับซ้อน
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่าง
| ประเภทพื้น | แผ่นพื้นคอนกรีตอัดแรงสำเร็จรูป | พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กธรรมดา |
|---|---|---|
| รูปแบบการผลิต | ผลิตจากโรงงาน ควบคุมคุณภาพตามมาตรฐาน | หล่อในที่ ขึ้นอยู่กับฝีมือช่างและสภาพอากาศ |
| ความแข็งแรง | แข็งแรงสูงกว่า 2–3 เท่า รับแรงดึงและแรงอัดได้ดี | แข็งแรงปานกลาง เหมาะกับบ้านทั่วไป |
| เวลาในการติดตั้ง | รวดเร็วมาก เพียง 1–2 วัน | ใช้เวลาเทและบ่มคอนกรีต 7–14 วัน |
| น้ำหนักโครงสร้าง | น้ำหนักเบา ช่วยลดขนาดคานและเสา | หนักกว่า ทำให้โครงสร้างต้องรับน้ำหนักมากขึ้น |
| ความเรียบของผิวพื้น | เรียบสม่ำเสมอจากโรงงาน ไม่ต้องฉาบหนา | ต้องปรับระดับและฉาบพื้นเพิ่ม |
| ต้นทุนแรงงาน | ใช้แรงงานน้อย เพราะเป็นระบบสำเร็จรูป | ใช้แรงงานมาก ทั้งเทคอนกรีตและผูกเหล็ก |
| ความคุ้มค่าในระยะยาว | ทนทาน อายุการใช้งานยาวนานกว่า 30 ปี | อายุใช้งานเฉลี่ย 15–20 ปี ต้องซ่อมบำรุงมากกว่า |
| ความเหมาะสมของงาน | เหมาะกับบ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ โกดัง | เหมาะกับงานขนาดเล็กหรือพื้นที่เฉพาะจุด |
วิเคราะห์ “ความคุ้มค่า” ในมุมมองเจ้าของโครงการ
1. ด้านเวลา
การใช้แผ่นพื้นอัดแรงช่วยลดเวลาการก่อสร้างได้กว่า 50–70% เมื่อเทียบกับพื้นหล่อในที่ เพราะไม่ต้องใช้เวลาเทคอนกรีตและรอบ่ม การเร่งงานโครงสร้างเร็วขึ้นทำให้สามารถเข้าสู่ขั้นตอนตกแต่งได้เร็วกว่า
เหมาะสำหรับ:
-
โครงการหมู่บ้านจัดสรร
-
อาคารเชิงพาณิชย์
-
งานต่อเติมที่ต้องการเปิดใช้งานเร็ว
2. ด้านต้นทุนรวม
แม้ต้นทุนต่อหน่วยของแผ่นพื้นอัดแรงอาจสูงกว่าพื้นหล่อในที่เล็กน้อย แต่เมื่อรวมค่าแรง ค่าวัสดุแบบไม้ และเวลาการทำงาน จะพบว่า ต้นทุนรวมของแผ่นพื้นอัดแรงมักต่ำกว่า โดยเฉพาะในโครงการขนาดกลางถึงใหญ่
ตัวอย่างเปรียบเทียบเบื้องต้น
-
พื้นหล่อในที่: 650–800 บาท/ตร.ม. (รวมแรงและแบบ)
-
แผ่นพื้นอัดแรง: 700–900 บาท/ตร.ม. (รวมติดตั้งและคอนกรีตรอยต่อ)
แต่ใช้เวลาน้อยกว่าเกือบครึ่ง และลดความผิดพลาดจากหน้างานได้มาก
3. ด้านความแข็งแรงและอายุการใช้งาน
พื้นอัดแรงมีความทนทานต่อแรงดึง แรงอัด และแรงโก่งตัวได้ดีกว่ามาก
เพราะผ่านการอัดแรงก่อนเทคอนกรีต ทำให้โครงสร้างมีความแน่นและไม่แตกร้าวง่าย
เหมาะกับ:
-
อาคารที่มีระยะช่วงคานยาว
-
อาคารชั้นสองขึ้นไป
-
พื้นที่ที่ต้องการความทนต่อแรงสั่นสะเทือน เช่น โกดังหรืออาคารจอดรถ
4. ด้านคุณภาพและความสวยงาม
พื้นอัดแรงผลิตด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติจากโรงงาน ทำให้ได้ผิวเรียบ สม่ำเสมอ ไม่ต้องฉาบหนา สามารถปูกระเบื้องหรือวัสดุปูพื้นต่อได้ทันที
ส่วนพื้นหล่อในที่ มักมีปัญหาเรื่องการทรุดตัว การแตกร้าว และผิวไม่เรียบ ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการปรับพื้น
5. ด้านสิ่งแวดล้อมและของเสีย
การใช้แผ่นพื้นสำเร็จรูปช่วยลดเศษวัสดุในหน้างาน เช่น ไม้แบบ เหล็กผูก และเศษคอนกรีต ซึ่งถือเป็นแนวทางการก่อสร้างแบบ Green Construction ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า
ข้อควรพิจารณา
แม้แผ่นพื้นอัดแรงจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีจุดที่ควรระวัง เช่น
-
ต้องมีการวางแผนขนส่งและติดตั้งด้วยเครน
-
ไม่เหมาะกับพื้นที่แคบหรือเข้าถึงยาก
-
ต้องเลือกใช้จากโรงงานที่ได้มาตรฐานผลิต (เช่น มอก. หรือ ISO 9001) เพื่อให้ได้คุณภาพที่สม่ำเสมอ
สรุป
| สรุปข้อเปรียบเทียบ | แผ่นพื้นคอนกรีตอัดแรง | พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กธรรมดา |
|---|---|---|
| ความเร็วในการก่อสร้าง | ★★★★★ | ★★☆☆☆ |
| ความแข็งแรงทนทาน | ★★★★★ | ★★★☆☆ |
| ความเรียบของผิว | ★★★★★ | ★★☆☆☆ |
| ต้นทุนรวมระยะยาว | ★★★★★ | ★★★☆☆ |
| ความยืดหยุ่นในการออกแบบ | ★★★☆☆ | ★★★★★ |
โดยสรุป
หากต้องการงานที่รวดเร็ว แข็งแรง และลดต้นทุนในระยะยาว — แผ่นพื้นคอนกรีตอัดแรงสำเร็จรูป คือคำตอบที่คุ้มค่ากว่าในทุกมิติ
แต่หากเป็นงานต่อเติมขนาดเล็ก หรืองานเฉพาะที่ต้องการปรับแบบหน้างานได้อิสระ — พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กธรรมดา ก็ยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
บทสรุปสำหรับผู้รับเหมาและเจ้าของโครงการ
การเลือกประเภทของพื้นไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่คือ “การลงทุนในคุณภาพของโครงสร้าง”
พื้นอัดแรงอาจมีต้นทุนเริ่มต้นสูงกว่าเล็กน้อย แต่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว ทั้งด้านความแข็งแรง ความสวยงาม และความรวดเร็วของงานก่อสร้าง
หากคุณสนใจสร้างบ้านที่มีคุณภาพสูงสามารถติดต่อ www.pscgroup1988.co.th เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมและเริ่มต้นโครงการของคุณ








