ซื้อบ้านหลังแรก: สิทธิ์กู้บ้านของข้าราชการ vs บุคคลทั่วไป ต่างกันตรงไหน?
การซื้อบ้านหลังแรกมักเริ่มจากคำถามเดียวกันคือ “เรากู้ได้เท่าไหร่?” และ “เงื่อนไขของเราดีกว่าหรือแย่กว่าคนอื่นไหม?” โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบระหว่าง “ข้าราชการ/พนักงานรัฐ” กับ “บุคคลทั่วไป” ที่ทำงานเอกชนหรือประกอบอาชีพอิสระ บทความนี้สรุปความต่างแบบเป็นระบบ เพื่อช่วยให้คุณวางแผนกู้บ้านได้แม่นขึ้น ตั้งแต่เอกสาร รายได้ ดอกเบี้ย ไปจนถึงโอกาสอนุมัติ
1) ภาพรวม: “สิทธิ์กู้” ต่างกันจริงไหม?
คำว่า “สิทธิ์กู้” ในทางปฏิบัติมักหมายถึง 3 เรื่องหลัก
-
ความน่าเชื่อถือของรายได้และความมั่นคงของงาน
-
เงื่อนไขดอกเบี้ย/สวัสดิการที่เข้าถึงได้
-
กระบวนการพิจารณาสินเชื่อและโอกาสอนุมัติ
ข้าราชการจำนวนมากได้เปรียบในข้อ 1 และข้อ 2 เพราะมีรายได้ประจำค่อนข้างนิ่ง มีเอกสารยืนยันที่ชัด และอาจมีสวัสดิการเฉพาะหน่วยงานหรือธนาคารที่ทำโครงการร่วมกัน ขณะที่บุคคลทั่วไปก็ไม่ได้เสียเปรียบเสมอไป—ถ้ามีรายได้สูง สม่ำเสมอ และเครดิตดี ก็อาจกู้ได้วงเงินสูงและอนุมัติเร็วเช่นกัน
2) ความต่างที่เห็นชัดที่สุด: “ความมั่นคงของรายได้” และการประเมินความเสี่ยง
ข้าราชการ / พนักงานรัฐ
-
รายได้เป็นเงินเดือนประจำ โอนเข้าบัญชีสม่ำเสมอ
-
โครงสร้างอาชีพมั่นคง ความเสี่ยงตกงานต่ำ (ในมุมธนาคาร)
-
มักมีหนังสือรับรองเงินเดือน/ตำแหน่ง/อายุงานจากหน่วยงานรัฐที่ชัดเจน
ผลที่ตามมา: ธนาคาร “อ่านข้อมูล” ได้ง่าย ประเมินความเสี่ยงต่ำ ทำให้ขั้นตอนตรวจสอบรายได้รวดเร็วขึ้น และบางกรณีอาจได้ข้อเสนอที่เป็นมิตรขึ้น (ขึ้นกับนโยบายธนาคารและโปรแกรมช่วงนั้น)
บุคคลทั่วไป (เอกชน / ฟรีแลนซ์ / เจ้าของกิจการ)
-
รายได้อาจสูงกว่า แต่ไม่สม่ำเสมอ
-
ธนาคารจะพิจารณาจาก “ความต่อเนื่องของรายได้” เป็นหลัก
-
ต้องใช้เอกสารและหลักฐานรายได้มากกว่าเพื่อยืนยันความสามารถชำระหนี้
ผลที่ตามมา: ไม่ได้แปลว่ากู้ยากเสมอไป แต่ต้อง “เตรียมเอกสารให้แน่น” และจัดการบัญชีรายรับรายจ่ายให้ดูเป็นระบบ
3) วงเงินกู้: ใครมีโอกาสกู้ได้มากกว่า?
วงเงินกู้ไม่ได้วัดจากอาชีพโดยตรง แต่ธนาคารจะมองจาก
-
รายได้สุทธิ (หลังหักภาระหนี้)
-
ความสามารถผ่อนต่อเดือน
-
ประวัติเครดิต
-
มูลค่าหลักประกัน (บ้าน/คอนโด) และ LTV ที่ธนาคารกำหนด
จุดที่ข้าราชการมักได้เปรียบ
-
“รายได้ที่ธนาคารนับ” มักชัด และนำไปคำนวณได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
-
ถ้ามีรายได้เสริมและเดินบัญชีดี ก็ช่วยให้วงเงินขยับได้อีก
จุดที่บุคคลทั่วไปอาจได้เปรียบ
-
คนเอกชนบางสายรายได้สูงมาก ทำให้วงเงินกู้สูงกว่า
-
เจ้าของกิจการที่มีงบการเงิน/ภาษี/เดินบัญชีสวย และเครดิตดี อาจกู้ได้วงเงินสูงเช่นกัน
สรุป: ข้าราชการ “มั่นคงกว่า” แต่บุคคลทั่วไป “มีโอกาสกู้สูงกว่า” หากรายได้สูงและแสดงหลักฐานได้ชัด
4) ดอกเบี้ยและโปรโมชัน: ข้าราชการได้ดีกว่าจริงไหม?
สิ่งที่ทำให้หลายคนรู้สึกว่าข้าราชการได้เปรียบ คือ
-
บางธนาคารมี “แพ็กเกจ/โปรแกรมเฉพาะกลุ่มข้าราชการ”
-
บางหน่วยงานมีความร่วมมือกับสถาบันการเงิน
-
สวัสดิการบางประเภทช่วยเรื่องค่าธรรมเนียม หรือเงื่อนไขการพิจารณา
แต่ในยุคปัจจุบัน ธนาคารแข่งขันกันสูง โปรโมชันบุคคลทั่วไปก็แรงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะผู้มีเครดิตดี รายได้สูง และมีความสามารถชำระหนี้ชัดเจน
คำแนะนำที่ใช้ได้กับทุกอาชีพ
-
อย่าดูแค่ “ดอกเบี้ยปีแรก” ให้ดู “ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี” และเงื่อนไขหลังหมดโปร
-
เช็กค่าธรรมเนียม (ประเมินหลักทรัพย์ จดจำนอง ทำสัญญา ประกัน ฯลฯ)
-
ถามเงื่อนไข “รีไฟแนนซ์” และ “โปะปิด” ก่อนเซ็น
5) เอกสาร: ข้าราชการง่ายกว่า บุคคลทั่วไปต้องเตรียมมากกว่า
เอกสารที่มักใช้ (ตัวอย่าง)
ข้าราชการ
-
สำเนาบัตรประชาชน/ทะเบียนบ้าน
-
สลิปเงินเดือนล่าสุด
-
หนังสือรับรองเงินเดือน/ตำแหน่ง/อายุงาน
-
รายการเดินบัญชี (Statement) ย้อนหลังตามที่ธนาคารกำหนด
บุคคลทั่วไป (พนักงานเอกชน)
-
เอกสารส่วนตัว
-
สลิปเงินเดือน + หนังสือรับรองเงินเดือน
-
Statement ย้อนหลัง
ฟรีแลนซ์/เจ้าของกิจการ
-
Statement ย้อนหลังแบบละเอียด
-
เอกสารเสียภาษี (เช่น ภ.ง.ด.90/91 หรือเอกสารที่ธนาคารร้องขอ)
-
หนังสือรับรองการจดทะเบียน/เอกสารกิจการ (กรณีเจ้าของกิจการ)
-
หลักฐานรายได้ เช่น ใบเสร็จ/สัญญาจ้าง/ใบวางบิล (ขึ้นกับอาชีพ)
สรุป: ข้าราชการมัก “เอกสารน้อยและตรงไปตรงมา” ขณะที่บุคคลทั่วไปโดยเฉพาะอาชีพอิสระ ต้องทำให้รายได้ “พิสูจน์ได้” และ “สม่ำเสมอ”
6) โอกาสอนุมัติ: ใครผ่านง่ายกว่า?
โดยภาพรวม ข้าราชการมักมี “ความเสี่ยงต่ำ” ในสายตาธนาคาร จึงดูเหมือนผ่านง่าย แต่ความจริงการอนุมัติขึ้นกับ “คะแนนเครดิต + ภาระหนี้ + ความสามารถผ่อน” เป็นหลัก
ข้าราชการอาจไม่ผ่านได้ หาก
-
มีหนี้บัตร/สินเชื่อหลายก้อนจนภาระต่อรายได้สูง
-
เคยค้างชำระหรือเครดิตมีประวัติเสีย
-
ขอวงเงินสูงเกินกำลังผ่อนจริง
บุคคลทั่วไปผ่านได้สบาย หาก
-
เครดิตดี ไม่ค้างชำระ
-
รายได้เข้าออกบัญชีสม่ำเสมอและพิสูจน์ได้
-
หนี้เดิมต่ำ และมีเงินเก็บ/เงินดาวน์ช่วยลดภาระ
7) ซื้อบ้านหลังแรกให้ผ่านง่าย: เช็กลิสต์ที่ทำได้ทันที
7.1 เคลียร์/จัดระเบียบหนี้ก่อนยื่นกู้
-
ลดหนี้บัตรเครดิต หนี้ผ่อนสินค้า หรือสินเชื่อที่กินวงเงินรายเดือน
-
หลีกเลี่ยงการเปิดบัตร/กู้ใหม่ก่อนยื่นกู้ 3–6 เดือน
7.2 ทำบัญชีให้ “สม่ำเสมอ”
-
เงินเดือน/รายรับควรเข้าบัญชีเดิมเป็นประจำ
-
รายได้เสริมควรมีหลักฐาน และเข้าเป็นรอบๆ ไม่กระจัดกระจายจนอ่านไม่ออก
7.3 เตรียมเงินดาวน์และค่าใช้จ่ายแฝง
-
ค่าโอน/จดจำนอง/ประเมิน/ประกัน (ขึ้นกับเงื่อนไข)
-
เงินสำรองฉุกเฉินหลังซื้อบ้านอย่างน้อย 3–6 เดือนของค่าใช้จ่าย
7.4 เลือกบ้านให้เหมาะกับ “กำลังผ่อนจริง”
-
อย่าคิดแค่ “กู้ได้” ให้คิดว่า “ผ่อนไหวทุกเดือนแบบไม่ตึงเกินไป”
-
เผื่อค่าซ่อม ค่าส่วนกลาง ค่าตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์
8) สรุปแบบเร็ว: ข้าราชการ vs บุคคลทั่วไป ต่างกันตรงไหน?
-
ข้าราชการเด่นเรื่อง “ความมั่นคงของรายได้” เอกสารชัด เจรจาโปรแกรมเฉพาะกลุ่มได้บ้าง
-
บุคคลทั่วไปเด่นเรื่อง “เพดานรายได้” ถ้ารายได้สูง เครดิตดี และพิสูจน์รายได้ได้ ก็มีโอกาสกู้สูงและได้เงื่อนไขดีเช่นกัน
-
สุดท้าย ธนาคารให้ความสำคัญกับ “เครดิต + ภาระหนี้ + ความสามารถผ่อน” มากกว่าอาชีพเพียงอย่างเดียว
คำถามที่ควรถามธนาคารก่อนเลือกสินเชื่อ
-
อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีเป็นเท่าไร หลังหมดโปรคิดอย่างไร?
-
มีค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง และลดหย่อนได้หรือไม่?
-
ต้องทำประกันอะไรบังคับไหม (และคุ้มไหม)?
-
โปะปิดก่อนกำหนดมีค่าปรับหรือไม่?
-
ถ้ารายได้เสริม ธนาคารนับอย่างไร ต้องมีหลักฐานแบบไหน?
หากคุณสนใจสร้างบ้านที่มีคุณภาพสูงสามารถติดต่อ www.pscgroup1988.co.th เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมและเริ่มต้นโครงการของคุณ








